จองทริป ครบ จบที่เดียว
ดาวน์โหลด Robinhood เลย

Download

กาญจนบุรี ล่องแพ ขึ้นเขา ลงห้วย หรือจะเป็นเที่ยวแนวประวัติศาสตร์วัฒนธรรม

เที่ยวกาญจนบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวแบบธรรมชาติล่องแพ ขึ้นเขา ลงห้วย หรือจะเป็นเที่ยวแนวประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และสำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เที่ยวได้บ่อยๆ ไม่เบื่อเลย เที่ยวกาญจนบุรี ครั้งนี้เราขอพาย้อนไทม์แมชชีน พาไปรำลึกความเก่าที่ยังคงความเก๋าไม่เสื่อมคลาย รับรองว่า เที่ยวกาญจนบุรีเด็ดทุกที่แน่นอน

1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว

เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองกาญ นักท่องเที่ยวหลายคนมาแล้วต้องแวะชมเก็บภาพเป็นที่ระลึกกัน สะพานข้ามแม่น้ำแควสร้างขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 300 เมตร ถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปยังปลายทางเมืองทันบูซายัค ประเทศเมียนมา สร้างขึ้นโดยแรงงานของเชลยศึกด้วยความยากลำบาก จึงมีการเปรียบเทียบขึ้นมาว่า หนึ่งไม้หมอนของทางรถไฟสายมรณะ เทียบเท่ากับหนึ่งชีวิตเลยทีเดียว จึงได้กลายเป็นสะพานแห่งประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย

2. เรือนมัลลิกา ร.ศ.124

เมืองย้อนยุค ที่จำลองไว้ให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวสยาม ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.124 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน และที่เด่นชัดคือการประกาศเลิกทาส มีกิจกรรมให้ทำมากมายตั้งแต่ โม่ข้าว ร้อยพวงมาลัย แกะสลักผลไม้ ปั้นทองหยิบ หรือจะเป็นแต่งตัวชุดไทยถ่ายรูปในโซนต่าง ๆ ข้างในยังมีอาหารและขนมพื้นเมืองหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อเลือกชิมกัน ใครชื่นชอบการเที่ยวในลักษณะย้อนยุคและได้ความรู้ไปในตัวจะต้องถูกใจเป็นแน่

3. วัดถ้ำเสือ

ถ้าเดินทางมาเที่ยวกาญจนบุรี จะต้องไม่ลืมแวะสักการะบูชาพระพุทธรูปประทานพรใหญ่ที่สุด แวะกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน ณ เจดีย์สูง 9 ชั้น งดงามสวยเด่นมาแต่ไกล ต้องเดินขึ้นเขาบันไดยาวถึง 157 ขั้น เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินประทานพร และพระเจดีย์เกษแก้วปราสาท สามารถเดินเท้าหรือซื้อตั๋วรถรางไฟฟ้านั่งไปกลับคนละ 10 บาทเท่านั้น พระเจดีย์เกษแก้วปราสาท เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม แบ่งเป็นชั้นหลายๆ ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ จนถึงชั้นบนสุดที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย เมื่อเดินถึงชั้นบนสุดแล้วมองลงมาข้างล่างจะเห็นวิวทุ่งนากว้างใหญ่เขียวขจีทั่วท้องทุ่ง เรียกว่า มาเที่ยววัดถ้ำเสือได้ทั้งบุญ ได้ทั้งชมวิว คุ้มค่าสุดๆ ไปเลย

4. วัดใต้น้ำ

วัดใต้น้ำหรือวัดจมน้ำ มีชื่อเดิมว่า “วัดวังก์วิเวการาม” เป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand มีนักท่องเที่ยวมากมายนิยมมาล่องแพ ชมซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เดิมทีวัดตั้งอยู่บนที่ราบ และอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” เนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน ต่อมามีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า จึงทำให้พื้นที่ตรงนี้เกิดน้ำท่วมจนหลายคนเรียกกันว่าเมือง “บาดาล” จึงมีการย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาแทน ส่วนวัดเดิมก็ได้จมอยู่ใต้น้ำมานานราวสิบปี เหลือเพียงซากปรักหักพังของวัดเท่านั้น การชมวัดใต้น้ำจะทำได้เพียงแค่ล่องเรือไปในบริเวณใกล้ๆ โบสถ์เท่านั้น ถ้าโชคดีก็อาจจะเห็นผนังโบสถ์บางส่วนโผล่พ้นน้ำ แต่ถ้าในฤดูน้ำมากก็อาจไม่เห็นอะไรเลย

5. หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ สงครามโลกครั้งที่ 2

สถานที่แสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ ของทหารญี่ปุ่น อีกทั้งอาวุธใช้ในการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นถึงสงครามการสู้รบระหว่างไทยกับพม่า พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท หากใครชื่นชอบการดูภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกคงจะถูกใจและอินมากๆ เลย

6. อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ถือเป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน ภายในยังพบพระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและนางปรัชญาปารมิตา เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องนาคีโด่งดังไปทั่วประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวหลายคนตามรอยละครเรื่องนี้มาเที่ยวกันเยอะมาก

7. โค้งมรณะ – ถ้ำกระแซ

โค้งมรณะ ชื่ออาจฟังดูน่ากลัว แต่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โค้งมรณะเป็นช่วงของสะพานที่โค้งเลียบไปกับแม่น้ำแควน้อยมีความยาวประมาณ 400 เมตร เส้นทางรถไฟสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการลำเลียงอาวุธ และกำลังพลของญี่ปุ่น เพื่อไปโจมตีเมียนมาและอินเดียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะเป็นรางรถไฟที่อยู่ตรงโค้งติดเลียบกับหน้าผา สูงและหวาดเสียวมาก ทำให้ในตอนนั้นการสร้างเส้นทางรถไฟแห่งนี้สูญเสียแรงงานของเชลยศึกจำนวนมาก จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อ “โค้งมรณะ” ตรงโค้งมรณะมีถ้ำกระแซเคยเป็นที่พักของเชลยศึก ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ใครแวะมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาชมรับรองว่า ต้องตื่นตาตื่นใจไปกับที่แห่งนี้แน่นอน

8. บ้านอีต่อง – ปิล๊อค

บ้านอีต่อง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ท่ามกลางสายหมอก อยู่ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ อดีตเป็นหมู่บ้านเหมืองแร่ดีบุกเก่าแก่ ปัจจุบันบ้านอีต่องกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และมีที่พักโฮมเสตย์ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน ลักษณะของหมู่บ้านอยู่บนภูเขาสูง ติดกับชายแดนเมียนมา อากาศเย็นตลอดเกือบทั้งปี มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ อีกมากมายให้เราได้แวะชมเที่ยวกัน เช่น เหมืองแร่ปิล็อก จุดชมวิวเนินช้างศึก น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นต้น

9.สะพานมอญ

สะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองลงมาจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า มีความยาวประมาณ 900 เมตร ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีเลยก็ว่าได้ สะพานมอญเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2528 เสร็จในปี 2530 ถ้ามาเที่ยวในช่วงหน้าหนาวจะเจอกับทะเลหมอกบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วสะพาน และลมหนาวอากาศเย็นสบาย ให้อารมณ์ผ่อนคลายได้ดีสุดๆ

10. ถนนปากแพรก

ชุมชนเมืองเก่าแก่ของกาญจนบุรี ใกล้พระบรมราชานุสาวรีย์พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 180 ปี ถนนปากแพรกถือว่าเป็นถนนสายเก่ายังคงอนุรักษ์ตึกเก่า ๆ สถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 4 บ้านไม้แบบเดิม ๆ ให้คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม ในทุก ๆ วันเสาร์จะมีถนนคนเดิน พ่อค้าแม่ค้า คนพื้นเมืองออกมาขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอีกมากมาย บรรยากาศคึกคักและมีความเป็นเอกลักษณ์ ช้อปปิ้งกันเพลินมาก

ได้เที่ยวกันอย่างจุใจ และได้รู้จักกาญจนบุรีมากยิ่งขึ้น ได้สัมผัสกับอดีต และย้อนเวลากลับไปในช่วงสมัยก่อน หวังว่าคนชอบเที่ยวสไตล์ประวัติศาสตร์จะชื่นชอบกันนะคะ

Writer

วริษฐา มากชูชิต

เป็นคนที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ชอบที่ได้พาทุกคนไปในที่ๆ เราพบเจอ ที่ ๆ เราประทับใจ การเที่ยวทุกครั้งมักจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาส และยังมีแรงที่จะเที่ยว ให้ลองออกไป หรือถ้าใครยังไม่พร้อมให้ลองมาติดตามรีวิวท่องเที่ยวของเราก่อนได้ รับรองว่า จะประทับใจและสนุกไปกับเราไกด์ “ ข้าวฟ่าง ”

Comments

ความคิดเห็นจากผู้อ่าน
({{comment_all}} ความคิดเห็น)