ใครที่เคยไปเที่ยวชมชุมชนกุฎีจีน หรือใครที่ยังไม่เคยไป แนะนำให้จินตนาการถึงภาพที่มีทั้งวัดไทย โบสถ์ฝรั่ง ศาลเจ้าจีน บ้านไทยเรือนไม้หลายยุคสมัย มาจนถึงตึกฝรั่งในปัจจุบัน มีผู้คนใช้ชีวิตเป็นปกติแบบบ้านใกล้เรือนเคียง ในร้านค้ามีขนมไข่อบจากเตาร้อน ๆ ใส่ถุงวางขายสะดุดตา ถึงไม่มีใครแนะนำ ก็เกิดความรู้สึกอยากจะลองชิมดูบ้าง
นี่แหละภาพชุมชนกุฎีจีน คุ้นตาของชุมชน แต่แปลกใหม่ในสายตาคนนอก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ยิ่งคนชอบอะไรเก่าๆ มีตำนาน โหยหาอดีต มาเดินเที่ยวเล่นแถวนี้ไม่มีผิดหวัง เพราะจะได้เสพความวินเทจเต็มๆ

​​​​​​​ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า ชุมชนนี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 โน้นเลย ชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสอาศัยอยู่มากที่อยุธยา อพยพจากอยุธยามาตั้งถิ่นฐานแถวนี้ เลยมีโบสถ์ซางตาครู้ส ก่อสร้างในสไตล์โกธิค และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชน

​​​​​​​พอมีคนไทยเข้ามาอาศัยร่วมด้วยก็เกิดวัด เหมือนฝรั่งนับถือคริสต์มีโบสถ์ คนไทยก็ขาดวัดไม่ได้ แต่วัดในบริเวณใกล้เคียงอย่างวัดกัลยาณมิตร ก็มีคนจีนร่วมสร้าง โดยคนจีนสมัยก่อนจะเรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง

​​​​​​​เมื่อเริ่มมีคนจีนอพยพเข้ามาอาศัยในชุมชน ก็ต้องมีสถานที่พึ่งทางใจเหมือนกัน นอกจากวัด เราจะได้เห็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าชื่อดังแห่งนี้ชื่อว่า ศาลเจ้าเกียนอันเกง รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลเจ้าแม่กวนอิม เป็นศาลเจ้าของจีนฮกเกี้ยน มีอายุมากกว่า 100 ปี

​​​​​​​นอกจากอาหารการกินในยุคปัจจุบัน คนแวะมาเที่ยวชุมชนกุฎีจีน ต้องขอลองชิม ขนมไข่กุฎีจีน มรดกทางวัตนธรรมของชาวโปรตุเกส ได้ผลออกมาแบบไทยๆ จากการทำเค้ก มีวัตถุดิบแค่แป้งกับไข่ เลยทำให้ได้ขนมไข่ออกมาเป็นมรดกตกทอด กลายเป็นรสชาติเฉพาะตัว และกลายเป็นตำนานคู่กับชุมชนมาถึงปัจจุบัน

การเดินทางไปชุมชนกุฎีจีน
​​​​​​​
ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาตรงท่าสาทรอยู่ใต้สะพานใกล้สถานีรถไฟฟ้า ลงท่าเรือราชินี หรือท่าเรือสะพานพุทธ แล้วหาท่าอัษฏางค์ อยู่ใกล้ๆ เพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งธนบุรี  ขึ้นท่าหน้าวัดกัลยาณมิตร เดินอีกนิดก็ถึงชุมชนแล้ว

เที่ยวชุมชนกุฎีจีนยุคนี้ นอกจากเสพความวินเทจ ก็ยังมีคาเฟ่ใหม่ๆ หลากหลายแนว คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกมากมายด้วย เป็นการเที่ยวแบบผสมผสานยุคอย่างแท้จริง