จองทริป ครบ จบที่เดียว
ดาวน์โหลด Robinhood เลย

Download

Trip Highlight

จุดเด่นสุดประทับใจ

ย้อนรอยอดีตอันรุ่งเรือง
​​​​​​​กับเรื่องลี้ลับ ณ วัดกุฎีดาว

Cover เป็นคุณอุบลและพระอรรค พร้อมรับประทานอาหารไทยแบบ Fine-dining ที่เรือนไทยริมสระบัว

ชมกรุสมบัติและบันทึกข่าวใหญ่ในวันวาร
​​​​​​​ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา

อยุธยา...ใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพียงขับรถชั่วโมงเดียว

เป็นเมืองที่มีเรื่องราวให้เที่ยวชมและศึกษามากมาย แบบกลับไปเยือนอีกได้เรื่อยๆ ไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ การเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆ และแน่นอนว่าจะต้องมี “กุ้งแม่น้ำเผา” เป็นตัวชูโรงในทุกมื้อแบบ “ห้ามพลาด”
​​​​​​​
ไปอยุธยากันมาหลายครั้ง เพื่อความตื่นเต้นคราวนี้ธีมเที่ยวอยุธยาจึงจะเป็นไปในทางลี้ลับสักหน่อย กับการตามรอย “คุณอุบล” แห่งละครและนวนิยายเรื่องพิษสวาท ที่สร้างความประทับใจให้ใครต่อใครไม่แพ้ “บุพเพสันนิวาส” แต่ค่าที่เป็นความสนุกแบบขนลุกเบาๆ จึงอาจทำให้หวั่นๆ กันบ้าง ซึ่งขอบอกว่าถ้ามัวแต่กลัว คุณจะ “พลาด” ของดีของเด็ดเลยทีเดียว

การตามรอยพิษสวาท เริ่มที่วัดกุฎีดาว วัดร้างที่อยู่นอกเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครหลายต่อหลายเรื่อง (รวมทั้งพิษสวาท) และ คุณนุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี ผู้รับบท “คุณอุบล” บางเอกของละครเวอร์ชันล่าสุด ก็เคยไปรำถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดนี้ด้วยเช่นกัน มีคลิปชมกันได้ในยูทูป

เล่ากันมาว่า วัดกุฎีดาว มีสมบัติของกรุงศรีอยุธยาฝังอยู่ และมีปู่โสมคอยเฝ้าทรัพย์  เคยมีผู้นำลายแทงจากสมุดข่อยเก่าแก่มาขุดหาสมบัติแต่ไม่พบ กลับมีเรื่องลี้ลับต่างๆ เกิดขึ้นกับคณะผู้ขุด จึงไม่มีใครกล้ามาขุดอีก กระทั่งไม่นานมานี้ มีการบูรณะวัดอย่างเป็นทางการและมีการ “เคลียร์” ความเชื่อกันไปหลายเรื่อง เช่นกรณีเจดีย์กลางวัดที่หักโค่นลงมาและลือกันมาต่อๆ ว่าเป็นฝีมือกองทัพพม่าที่ยิงปืนใหญ่เข้ามาข่มขวัญ ในทางวิทยาศาสตร์และโบราณคดี ได้พิสูจน์กันแล้วว่า เจดีย์หักโค่นลงมาเองเพราะพื้นดินทรุดตัว เป็นต้น

วัดกุฎีดาวเป็นวัดที่สวยงามมาก เริ่มสร้างเมื่อใดไม่ปรากฏ แต่มีบันทึกแน่ชัดว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ราวปีพ.ศ 2254 ในช่วงที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศยังเป็นพระมหาอุปราช ถูกทิ้งร้างไปหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ 2310 จนเหลือเพียงซากสถาปัตยกรรมที่งดงามแบบต้องว้าวกันดังๆ เพราะสวยไม่แพ้โบราณสถานในต่างประเทศ และด้วยความที่วัดกุฎีดาวอยู่นอกเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ต้องตั้งใจมาชมอย่างเจาะจง จึงมีผู้เข้าชมบางตา สามารถเดินถ่ายรูปแบบในวัดมีแต่เราเท่านั้นได้สบายๆ

จากวัดกุฎีดาว ลำดับต่อไปคือการชมกรุสมบัติกรุงศรีฯ ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา โดยในนวนิยายพิษสวาท ได้กล่าวถึงเรื่องราวการตามพิทักษ์กรุสมบัตินี้ของคุณอุบลไว้อย่างละเอียด  กรุสมบัติเดิมอยู่ในพระปรางค์วัดราชบูรณะ สันนิษฐานว่า น่าจะบรรจุสมบัติไว้ในคราวสร้างวัดเมื่อปีพ.ศ 1967 กาลเวลาผันผ่านจนผู้คนลืมเลือน แม้กระทั่งหลังเสียกรุงฯ

และตลอดยุครัตนโกสินทร์ที่มีการไปขุดค้นข้าวของจากอยุธยากันมากมาย ก็ไม่มีใครได้ล่วงรู้ถึงสมบัติในกรุนี้ จนกระทั่งปีพ.ศ 2499 มีผู้นำเครื่องทอง เครื่องประดับอัญมณีสูงค่าออกขาย แล้วมีเหตุให้คนเหล่านั้นมีอันเป็นไปต่างๆ จึงเกิดการสืบสาวราวเรื่องที่มาของของมีค่านั้น จนนำไปสู่การตามยึดสมบัติคืนจากผู้ที่เข้าไปลักลอบขุด และทางการได้เข้าสำรวจห้องลับในพระปรางค์วัด เพื่อนำสมบัติที่เหลือออกมา ซึ่งยังพบพระและทองคำมีค่าเหลืออยู่อีกไม่น้อย

สมบัติที่ยึดคืนมาได้นั้น มีเครื่องทองงามวิจิตรหลายรายการ ทว่าเป็นเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของสมบัติที่ลักลอบขุดออกมาเท่านั้น เครื่องทองส่วนใหญ่ถูกนำไปหลอมขายเสียก่อน เมื่อได้เห็นความงามของของที่เหลืออยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็ให้เสียดายยิ่ง และเข้าใจได้เลยว่าทำไม “คุณอุบล” ถึงโกรธนัก

นอกจากห้องแสดงสมบัติกรุวัดราชบูรณะแล้ว ในพิพิธภัณฑ์ยังมีห้องแสดงเรื่องราวผ่านหนังสือพิมพ์เก่า เล่าเหตุการณ์การจับกุมผู้ลักลอบขุด และการเปิดกรุของทางการให้ได้อ่านย้อนอดีตกัน อย่าพลาดแวะเข้าไปชมห้องนี้ด้วยเช่นกัน

ถึงตรงนี้ถ้าใครยังไม่เหนื่อยนัก ก็อาจเข้าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อชมเขตพระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดราชบูรณะ ฯลฯ ระหว่างชมจะสามารถจินตนาการถึงคืนวันอันรุ่งเรืองของอยุธยาก่อนเสียกรุงได้ และอาจพอมองเห็นเค้าลางของภาพยามที่โบราณสถานเหล่านี้รกชัฏ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และเครือเถาวัลย์ ท่ามกลางป่าพุทราเมื่อราว 50 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ “ทมยันตี” เขียนนวนิยายพิษสวาท

รายการสุดท้ายของวันที่ควรไปถึงช่วงบ่ายๆ แบบแดดร่มลมตก คือบ้านไทยคลองสระบัว เรือนไทยในหมู่แมกไม้ ที่เห็นแล้วก็ต้องบอกว่า นี่คือ “บ้านคุณอุบล” ชัดๆ ที่นี่ให้บริการอาหารกลางวันและเย็นแบบมื้อละโต๊ะ 2 คนขึ้นไป กับอาหารไทยแท้ๆ แสนอร่อย ที่จัดสำรับมาให้แบบไฟน์ไดนิ่ง อาหารที่นี่อร่อยมาก เผากุ้งได้เก่ง ชุ่มฉ่ำมาก แต่อาหารดูจะเป็นเรื่องรอง เมื่อเรื่องสำคัญคือคุณสามารถนำชุดมาเปลี่ยน มาแต่งไทย มาโคฟเป็นคุณอุบลกับคุณพระอรรคกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวได้แบบไม่ต้องอายใคร มีเรือนไทยหลังโต เรือนแพ ท่าน้ำริมสระบัว ฯลฯ ให้วางท่าถ่ายรูปได้จนกว่าแสงจะหมด และถ้าเป็นเซียนดูละคร ก็จะเห็นฉากคุ้นๆ ของละครย้อนยุคหลายเรื่องซึ่งมาถ่ายทำที่นี่ ดังนั้นจะเปลี่ยนเรื่อง โคฟเป็นพี่หมื่นกับออเจ้าด้วยก็ได้ ไม่มีใครว่ากระไรดอก

Travel Tips

  • อ่านนวนิยาย “พิษสวาท” ของทมยันตี ก่อนไปเที่ยว จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นมากมาย
  • พักค้าง 1 คืนที่อยุธยาหลังอาหารค่ำ เพราะเครื่องดื่มซึ่งเสิร์ฟพร้อมอาหารที่บ้านไทย แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
  • เช้าวันรุ่งขึ้น ไหว้พระทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนที่ล่วงลับและเพื่อศิริมงคลแก่ตนเองที่วัดมงคลบพิตร ก่อนเดินทางกลับ

Writer

นิศารัตน์ สีตะสุวรรณ

อดีตบรรณาธิการนิตยสารเที่ยวรอบโลก เดินทางเก็บแต้มมากว่า 70 ประเทศ แต่ตอนนี้หันมาท่องเที่ยวเมืองไทยแบบชิลๆ ช้าๆ และแวะหาของกินอร่อยๆ ไปเรื่อยๆ ตามสภาวะเหตุการณ์ของโลกในปัจจุบัน

Comments

ความคิดเห็นจากผู้อ่าน
({{comment_all}} ความคิดเห็น)