วันที่ 1

เราเริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ถึงอำเภอบางบาล อยุธยา โดยโปรแกรมเริ่มตอน 10.30 น. ตามแพ็คเกจเที่ยวของชุมชน ดังนั้น แนะนำให้เผื่อเวลาในการเตรียมตัวและเดินทางให้ดี จะได้มาถึงตรงเวลา และได้ทำกิจกรรมครบทุกกิจกรรม เมื่อเดินทางมาถึงชุมชน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนในชุมชน พร้อมเสิร์ฟขนมไทยและน้ำสมุนไพรโบราณ ที่ช่วยเติมความสดชื่นในช่วงอากาศร้อนๆ เป็นอย่างดี ก่อนจะเข้าไปฟังเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนมอญบ้านไทรน้อย มีประวัติยาวนานย้อนไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งได้มีการอพยพชาวมอญมาตั้งรกรากอยู่บริเวณนอกเมือง และให้ชื่อว่า บ้านมอญ ก่อนมาเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอไทรน้อย และกลายมาเป็นชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมดังในปัจจุบัน แม้กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป แต่คนในชุมชนยังมีความรักและหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม ที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ พร้อมทั้งช่วยกันรักษา และส่งต่อมรดกเหล่านี้ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้

 หลังจากฟังเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนจบแล้ว ก็มีเวลาพักผ่อน เดินชมวิวกันสักเล็กน้อย ก่อนจะเดินทางรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยตำรับพื้นบ้านโบราณแท้ๆ แต่ละเมนูหากินได้ยากมากในสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น แกงส้มผักบุ้ง น้ำพริกปลาร้า แกงไก่หน่อไม้สับ และแกงบอน เมนูพระเอกหากินได้แค่ที่นี่เท่านั้น ปิดท้ายด้วยเมนูขนมไทยมงคล 9 อย่างของไทยแห่งอยุธยา เติมพลังให้พร้อมก่อนไปลุยกิจกรรมยาวๆ ในช่วงบ่ายกันต่อ

ถึงเวลาสัมผัสกิจกรรมการทำขนมไทยมงคล 9 อย่าง ตำรับชาววัง เป็นอีกกิจกรรมเด็ดถือว่าเป็นต้นกำเนิดของขนมไทย งานนี้เลยได้สวมรอยเป็นท้าวทองกีบม้า รับบทลองทำขนมไทย ยังคงรักษาขั้นตอน กระบวนการทำแบบดั้งเดิมเป๊ะๆ นอกจากทำไปอร่อยไปแล้ว ยังได้อวดฝีมือแม่ศรีเรือนอีกด้วย การผ่อนคลายร่างกายด้วยกะลามะพร้าว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งงานฝืมือพื้นบ้าน ด้วยแปรรูปกะลามะพร้าวให้กลายเป็นเครื่องนวดมหัศจรรย์ ที่ใครจะคิดว่าจะเหมาะกับชาวออฟฟิศแบบเรามาก จบจากกิจกรรม ได้เวลาพักผ่อนพร้อมรับประทานอาหาร เมนูพื้นบ้านท้องถิ่นอยุธยาเหมือนเดิม แต่อร่อยสุดๆ กินได้ไม่เบื่อ

วันที่ 2

ทำบุญตักบาตรบริเวณหน้าบ้านโฮมสเตย์ ท่ามกลางบรรยากาศของทุ่งนา และลมธรรมชาติอันแสนสดชื่น ก่อนจะแวบไปลองทำอิฐมอญโบราณ พร้อมกรรมวิธีแท้ๆ แบบดั้งเดิมที่อนุรักษ์มาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่คาดคิดว่าจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้เราได้โชว์ฝีมือการทำอิฐมอญ สนุกและไม่ควรพลาดเลย

โดยตลอดช่วงเช้านี้ เป็นการแวะฐานท่องเที่ยวต่างๆ ภายในชุมชน มีทั้งด้านเกษตรกรรมอย่างการปลูกข้าวโพด เป็นเกษตรกรรมทำมากันตั้งแต่สมัยอยุธา หรือกล้วยปลูกกันทุกบ้าน แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนการท่องเที่ยวต้นแบบ การเกษตรกรรมจึงเป็นการทำการเกษตรแบบปลอดสารเคมี พร้อมทั้งนำผลผลิตบางส่วนไปแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เป็นชุมชนเต็มไปด้วยความเข็มแข็งทั้งด้านวัฒนธรรม และความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชนชนจริง ระหว่างเรียนรู้เยี่ยมฐานต่างๆ เราสามารถแวะเยี่ยมชมโบราณสถานภายในบริเวณชุมชนได้ ไมว่าจะเป็นโบสถ์มหาอุตม์ โบสถ์ตั้งแต่สมัยอยุธยาที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบมอญ เป็นสถานที่ที่คนในชุมชนให้ความเคารพนับถือ และเป็นโบราณสถานสำคัญอีกด้วย ก่อนส่งท้ายกิจกรรมช่วงเช้าด้วยอาหารกลางวันจากร้านค้าในชุมชน มีให้เลือกหลากหลายเมนู ถือเป็นไอเดียดีในการกระจายรายได้ในชุมชน แถมนักท่องเที่ยวยังได้ลองลิ้มชิมรสชาติเมนูเด็ดจากคนในชุมชนอีกด้วย

วันที่ 3

ขอบคุณรูปภาพ facebook.com/homestay

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปรวดเร็ว กิจกรรมสุดท้ายของทริปเที่ยวโฮมสเตย์บ้านไทรน้อย คือการไหว้พระ พร้อมลอดใต้ถุนโบสถ์กันที่ วัดบุญนาวาส โดยตามความเชื่อของคนในชุมชน หากใครได้มาลอดใต้ถุนโบสถ์ จะช่วยขจัดสิ่งไม่ดี และปัดเป่าเคราะห์ร้ายออกจากตัวเรา เพิ่มความเป็นสิริมงคล และความปังให้กับชีวิต จากนั้นซื้อของฝากในชุมชนบ้านไทรน้อยติดไม้ติดมือ เพื่อเป็นที่ระลึกก่อนกลับบ้าน

ใครจะรู้ว่าอยุธยามีสถานที่ท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชนซ่อนตัวอยู่ หากใครเบื่อเที่ยววัด หรือโบราณสถานอยุธยาแล้ว ลองแวะมาสัมผัสบรรยากาศทุ่งนา ท่ามกลางชีวิตแบบช้าๆ ผสมผสานกับมรดกทางวัฒนธรรมจนกลายเป็นเสน่ห์ของชุมชน ใครได้มาสัมผัสก็ต้องอินและตกหลุมรักแน่นอน ซึ่งที่โฮมสเตย์บ้านไทรน้อย มีแพ็คเกจเที่ยวให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ แบบเที่ยววันเดย์ทริป, 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืน ก็มีให้ครบ ในราคาสุดคุ้มกับประสบการณ์อย่างแน่นอน ใครสนใจสามารถติดต่อไปที่