ถ้าพูดถึงจังหวัดน่าน หลายคนอาจนึกถึงสะปันหรือบ่อเกลือ แต่สำหรับคอกาแฟแล้ว ‘บ้านมณีพฤกษ์’ คือจุดหมายปลายทางที่ต้องดั้นด้นไปให้ถึง เพราะที่นี่คือแหล่งปลูก ‘กาแฟเกอิชา’ ที่คว้ารางวัลมามากมายจนได้รับฉายาว่าเป็น ‘นางฟ้ากาแฟ’ จนใครๆ ก็อยากได้ลองชิมสักครั้ง
จากอดีตพื้นที่สีแดงของขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยและเป็นหมู่บ้านของชาวม้งอพยพจากประเทศจีนในชื่อหมู่บ้านฉงผ้า ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บ้านมณีพฤกษ์’ ในปีพ.ศ. 2527เดิมทีที่นี่ปลูกขิงและกระหล่ำปลีที่ต้องบุกรุกถางป่าหาพื้นที่เพาะปลูกซึ่งไม่เป็นผลดีต่อแหล่งต้นน้ำลำธารซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน จึงมีการริเริ่มให้ชาวบ้านปลูกกาแฟแทน เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่ต้องการร่มเงาทำให้จึงไม่ต้องตัดต้นไม้ใหญ่ และเพราะกาแฟนี่เองที่ช่วยพลิกฟื้นหมู่บ้านยากจนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น กรุ่นกลิ่นกาแฟไปพร้อมๆ กัน
การขึ้นไปที่หมู่บ้านมณีพฤกษ์ต้องนั่งรถไปตามทางลาดยางแสนคดเคี้ยวสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญถือเป็นไฮไลต์นอกเหนือจากการดื่มกาแฟก็คือ ‘ดอยผาผึ้ง’ ยอดเขาหินปูนซึ่งเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับลาว ปัจจุบันนอกเหนือจากชาวม้งก็มียังชาวลัวะเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย สามารถพักค้างคืนทั้งแบบโฮมสเตย์นอนค้างคืนกับชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการ 7 หลังพร้อมแพ็คเกจอาหารเช้า หรือสายแคมป์ปิ้งก็มีลานกางเต้นท์ชื่อน่ารักๆ อย่าง ลานกางเต้นท์เดอม้งวิว และลานกางเต้นท์ลัวะพาเลาะไว้คอยบริการ
กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงบ้านมณีพฤกษ์ก็คือการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยผาผึ้ง ซึ่งอาจจะไม่ใช่วิวทะเลหมอกอย่างที่หลายคนคาดหวัง แต่เป็นวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนทางฝั่งลาวปะทะกับแสงสีส้มยามเช้าบนหนาผาสูงชันตั้งฉาก 90 องศา ท้าทายเหล่าอินสตราแกรมเมอร์ให้ห้อยโหนถ่ายภาพกับวิวสวยๆ หรือถ้าใจไม่แข็งพอ อุณภูมิแสงไม่เกิน 25 องศาในฤดูหนาวบวกกับทุ่งหญ้าก็น่าประทับใจไม่ต่างกับการเดินทางไปเที่ยวเลยทีเดียว ส่วนถ้าอยากได้วิวทะเลหมอกความจริงแล้วบริเวณลานกางเต้นท์ก็มีให้เห็นจนถึงช่วงสายๆ ของวัน
{{item.date}}