Must Do

นอนชิลให้หนำใจกับแพริมน้ำวิวสุดปังที่ แพลุงบุญ สังขละบุรี

Must Go

แวะจุดชมวิว อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมสูดโอโซนบริสุทธิ์ให้เต็มปอด
แหงนหน้าชมน้ำตกสูง กับวิวผาสุดอลังการที่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
แวะจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
ชมความงดงามของเจดีย์พุทธคยา สักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุและไหว้ขอพรพระพุทธรูปหยกขาว ณ วัดวังก์วิเวการาม
เช็คอิน สะพานมอญ ชมสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในเมืองไทยกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น
ล่องเรือไปตามแม่น้ำซองกาเลีย ชมความอะเมซิ่งของโบสถ์กลางน้ำ วัดใต้น้ำ Unseen Thailand ที่ไม่ได้หาชมกันได้ง่ายๆ

Must Eat

Love Bridge House ทานอาหารพื้นบ้าน เคล้าบรรยากาศริมสะพานมอญ
เช็คอินคาเฟ่ U&Me Cafe หามุมถ่ายรูปสวยๆ กับอาหารอร่อยๆ

ที่เที่ยวกาญจนบุรี - วันที่ 1

จุดชมวิว อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 200 กิโลเมตรนิดๆ จะได้พบต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมอยู่เบื้องหน้า ทำให้เห็นถึงบรรยากาศสดชื่นและวิวของผืนป่าที่น่าสนใจ ไฮไลต์เด่น คือจุดชมวิวหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวเนินกูดดอย จุดชมช้างเผือก และจุดชมวิวเนินช้างพลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสวยงามไม่แพ้กัน เราเริ่มกันด้วยเนินกูดดอย สามารถมองเห็นวิวผืนป่าปกคลุมด้วยสายหมอก และทัศนียภาพของเขื่อนเจ้าเณร หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ เดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร จะพบกับจุดชมวิวช้างเผือก สามารถเห็นวิวเขาช้างเผือกแบบเต็มๆ เดินไหวก็ไปกันต่อจุดชมวิวเนินช้างพลาย ที่วิวสวยไม่แพ้กัน แต่ระดับอาจต่ำกว่าจุดชมวิวก่อนหน้าเล็กน้อย ใครมีโอกาสมาเที่ยวชมแล้วอยากอยู่ต่อ มีบ้านพักอุทยานดีไซน์สุดคูลอย่างบ้านทาร์ซาน หรือบ้านต้นไม้ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวมาเข้าพักด้วยนะ แค่วิวหน้าบ้านก็เด็ดแล้ว

ฟินกับการเล่นน้ำที่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

ขับรถออกมาจากอุทยานฯ อีกแค่สามกิโลเมตร เราได้พบกับ “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกสวยรวยธรรมชาติในเขตของพื้นที่อุทยานทองผาภูมิ เดินเท้าจากจุดจอดรถไปประมาณ 300 เมตร ผ่านจุดตรวจของอุทยาน ได้สัมผัสกับสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันกว่า 30 เมตร ทิ้งตัวสู่แอ่งน้ำใสสีฟ้าอมเขียวเบื้องล่าง ทัศนียภาพรอบน้ำตกนั้นเป็นหินผาขนาดใหญ่ มีต้นไม้ปกคลุมให้ความรู้สึกสวยแปลกตา สำหรับที่มีของชื่อน้ำตกนั้น ก็มาจากพม่า ซึ่ง จ๊อก หมายถึง หิน ส่วน กระดิ่น หมายถึง น้ำตก รวมๆ แล้วก็ให้ความหมายถึง น้ำตกที่ไหลผ่านหินผา น้ำตกแห่งนี้มีแหล่งกำเนิดจากภูเขาอีปู่ ที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 700 เมตร ใครเห็นบรรยากาศแล้วโดนใจ ก็อย่าพลาดที่จะแวะมาเช็คอิน ฟินกับการเล่นน้ำกัน

Cinque Terre Resort ที่พักบรรยากาศเมืองอิตาลี

ที่พักบรรยากาศสุดโรมานซ์ท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ Cinque Terre Resost สีสันสดใสให้บรรยากาศเหมือนเราไปเยือนเมือง Cinque Terre ของอิตาลี มีห้องพักด้วยกันทั้งหมดถึง 8 แบบ  สามารถเลือกพักได้ตามความชอบ หรือหากใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติแบบระยะใกล้ ก็สามารถเลือกที่พักรูปแบบเต็นท์ได้ จะเต็นท์ธรรมดาหรือเต็นท์กระโจมก็แล้วแต่ความสะดวก แวะมาสำรวจภายในห้องพักกันสักนิด เมื่อเปิดประตูมาก็ต้องว้าวกับบรรยากาศด้านในที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ให้ฟีลคล้ายห้องนอนเจ้าหญิงเจ้าชายในยุโรป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมีอยู่ครบครัน ในขณะที่การตกแต่งภายนอกมีสวนสวยๆ อยู่ติดกับริมห้วยอู่ล่อง เห็นวิวสายน้ำและขุนเขานับเป็นอีกจุดที่เดินชมได้แบบไม่เบื่อ ถ่ายรูปไปอาจมีคนเข้าใจผิดคิดว่าออกทริปยุโรป ห้องพักรวมอาหารเช้า เริ่มต้นที่ 700 บาท สำหรับเต็นท์เห็นวิวสวยๆ แบบนี้ ราคา 400 บาท เท่านั้น

เที่ยวกาญจนบุรี - สังขละบุรี วันที่ 2

จุดชมวิว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 35 กิโลเมตร เมื่อเข้ามาถึงด้านในอุทยานมาตามเส้นทางเดิน จะได้พบน้ำตกกระเต็งเจ็ง น้ำตกสวยลำธารใสซ่อนตัวอยู่กลางป่า ภายในมีเส้นทางศึกษาธรรมชาตินำเราไปสู่ตัวน้ำตกด้านใน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 9 ชั้น รวมระยะทางเดินชมถึงชั้น 9 ประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า แต่ถ้าคิดว่าไกลไปก็แวะไปชมชั้นหนึ่ง “กระจง” กันก่อนได้ เดินพอเหงื่อซึมๆ กับระยะทาง 312 เมตร จากนั้น เราเปลี่ยนบรรยากาศมาชมวิวริมน้ำกันบ้าง ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 2 กิโลเมตร เราจะได้พบกับ “จุดชมวิวป้อมปี่” แลนด์มาร์คของการชมพระอาทิตย์ตกดินที่ขึ้นชื่อในฝั่งภาคตะวันตกของไทย ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของป่าไม้ผืนน้ำและภูเขาโอบล้อมทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสายแคมปิ้งเป็นอย่างดี

​​​​​​​นอกจากการมานั่งชมวิวชิลๆ แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรม เล่นน้ำ ดูนก ตกปลา ได้อีกด้วย ปิดท้ายด้วยการเดินชมความสวยงามของ “น้ำตกเกริงกระเวีย” น้ำตกสวย สูงประมาณ 5 เมตร น้ำใส และบรรยากาศสวยแปลกตา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหลักที่จะไปยังอำเภอสังขละบุรี ภายในร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมอยู่ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทอดผ่านลำธารใสให้ได้เดินชมกัน ดูแล้วสวยทุกมุมจริงๆ ใครผ่านมาทางนี้ ก็แวะเช็คอินกันได้

แพลุงบุญ ที่พักวิวหลักล้าน สังขละบุรี

หมดเรี่ยวหมดแรงกับการผจญภัยแบบจัดหนักที่อุทยาน เลยขอไปพักเช็คอินที่ “แพลุงบุญ สังขละบุรี” ที่พักสุดชิลวิวหลักล้านที่สายธรรมชาติอย่าได้พลาดเชียว เพราะโลเคชั่นล้ำมาก อยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย ใกล้สะพานมอญ วิวดีงามพร้อมการตกแต่งที่ครบครัน นอกจากห้องพักสวยๆ แล้ว มีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริการชุดอาหารไว้ให้แขกมาพักนำไปใส่บาตรตอนเช้า ชุดแต่งกายแบบชาวมอญ นั่งเรือเที่ยวชมวัดกลางน้ำ เรือพายเล่น และอื่นๆ อีกเพียบ บรรยากาศในค่ำคืนใครอยากจัดหมูกระทะริมน้ำ ปิ้งไปกินไปดูดาวไปลุยโลด เพราะอุปกรณ์เตรียมไว้ให้แล้ว ห้องพักรวมอาหารเช้า ราคาเริ่มต้นสำหรับ 2-4 ท่าน อยู่ที่ 2,600 บาท

วัดวังก์วิเวการาม วัดสวยชื่อดังของสังขละบุรี

วัดสวยชื่อดังของสังขละบุรี ผสมผสานกลิ่นอายศิลปะแบบพม่า โดยมีพระเกจิชื่อดังเชื้อสายมอญอย่างหลวงพ่ออุตตมะกับชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้น โดยย้ายวัดมาจากหมู่บ้านเดิมที่จมน้ำจากการสร้างเขื่อนเขาแหลม ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นศาลาที่มีปราสาทเก้ายอด
ภายในมีสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ, วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อหยกขาว พระพุทธรูปที่สั่งทำมาจากมัณฑะเลย์ และเจดีย์พุทธคยา ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เดินชมศิลปะความงดงามของวัดแล้ว ไม่ไกลกันมีร้านค้าของชาวมอญนำสินค้าจากพม่าเข้ามาขายให้ได้เลือกช็อปกันด้วย ใครสนใจแวะไปชมก็สามารถไปกันได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.

Love Bridge House พักน่ารักๆ

มื้อเย็นอร่อยๆ กับวิวสวยๆ ยามค่ำคืนของแม่น้ำซองกาเลียและสะพานมอญ “Love Bridge House” บริการที่พักน่ารักๆ และมีร้านอาหารให้บริการด้วย พิกัดของร้านนั้นตั้งอยู่แถวทางลงไปสะพานมอญ บรรยากาศเหมาะแก่การทานอาหารไปพร้อมชมวิวเริ่ดๆ ไปพร้อมกัน สำหรับอาหารเน้นอาหารไทยมีให้เลือกหลายเมนู ของเด็ดมีตั้งแต่ห่อหมกมะพร้าวอ่อน ปลาแรดทอดกระเทียม หรือจะเป็นขาหมูเยอรมันก็น่ากินอยู่ไม่น้อย ใครหาร้านสวยอาหารชวนกินก็ตามไปฟินกันได้ ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 13.00-22.00 น.

เที่ยวกาญจนบุรี - วันที่ 3

สะพานมอญ สังขละบุรี ​​​​​​​

ตื่นเช้ากันสักหน่อยแล้วมาแปลงร่างเป็นหนุ่มสาวชาวมอญ ก่อนเดินไปใส่บาตรกันบนสะพานมอญ แลนด์มาร์คอันดับต้นๆ ของสังขละบุรี ไม่ว่ามาเยือนกี่ครั้งก็ยังต้องแวะมาเช็คอิน บรรยากาศยามเช้าบนสะพานขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลก เดินชมกันยาวๆ ไปกับระยะทางกว่า 850 เมตร จากจุดนี้คุณสามารถชมสายหมอกที่พาดผ่านภูเขาไกลๆ และเห็นสายน้ำสงบนิ่ง บนสะพานจะมีพระเดินบิณฑบาต พร้อมกับชาวบ้านที่แต่งกายในชุดท้องถิ่น มีเด็กน้อยเชื้อเชิญให้ลองแต่งแต้มใบหน้าด้วยการประแป้ง บรรยากาศเรียบง่ายมีความสุขมาก

วัดใต้น้ำ Unseen Thailand​​​​​​​

หลังจากเดินชมความงามบนสะพานมอญไปแล้ว ก็ถึงคราวได้เวลาล่องเรือไปชมอีกหนึ่งไฮไลต์ของสังขละบุรี คือวัดใต้น้ำ หรือวัดวังก์วิเวการามเก่า เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ราบ เมื่อมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม จึงทำให้น้ำเข้าท่วมหมู่บ้านและวัดจมอยู่ใต้บาดาลนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอิน Unseen Thailand โดยเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่น้ำหลังเขื่อนลดระดับลง จึงทำให้สามารถเดินไปชมวัดเก่าได้อย่างใกล้ชิด แต่ถ้ามาในช่วงหน้าหนาวก็จะพบเห็นสิ่งก่อสร้างเพียงบางส่วน เช่น หอระฆังที่โผล่พ้นเหนือน้ำขึ้นมา นอกเหนือจากวัดวังก์วิเวการามเก่าแล้ว บริเวณนี้ยังมีอีกหนึ่งวัดจมอยู่ใต้น้ำเช่นกัน นั่นก็คือ วัดศรีสุวรรณเก่า เป็นวัดของชาวกะเหรี่ยง ซึ่งถ้ามีโอกาสมาชมในช่วงหน้าแล้งก็จะสามารถลงไปเดินชมความสวยงามได้ และถ้าหากยังมีเวลา เราแนะนำให้คุณสามารถไปชมวัดสมเด็จเก่า วัดที่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายเมืองสังขละบุรี ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับวัดใต้น้ำ แต่อยู่บนเนินเขาเล็กๆ ไม่ได้จมน้ำ ภายในโบสถ์เก่ายังมีพระพุทธรูปให้ได้กราบไหว้กันด้วย

U&Me Cafe คาเฟ่สตูดิโอกลางแจ้งสุดอลัง​​​​​​​

แถมบางจุดก็ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอก ให้บรรยากาศญี่ปุ่นเต็มๆ หรือจะเป็นโซนยอดฮิตอย่างบาหลีมาพร้อมรังนกสุดชิค ละลานตาไปกับทุ่งหญ้าหลากสี งานนี้เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินก่อนหรือเที่ยวชมก่อนดี อาหารแนะนำมีเมนูเส้นอย่าง สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ตำหลดบัวกุ้งสด ปิดด้วยของหวานส่งท้ายอย่างฮันนี่โทสต์ เรียกว่าวิวดีรสชาติโดนกันไป ใครอยากมาเช็คอินที่แลนด์มาร์คสุดฮิตแห่งนี้ แวะเวียนมาได้ตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น.
​​​​​​​
คิดว่าทริปนี้ปรุงไว้ครบทุกรสชาติ ไม่ขาดไม่เกิน มาตามรอยกันได้ทุกเพศทุกวัย แต่ถ้าใครอยากเพิ่มความตื่นเต้นอีกสักหน่อยก็เอาเส้นทางในทริปนี้ไปปรับใช้ได้เลย ระหว่างทางอาจมีอะไรให้เก็บตกได้อีกเยอะ